ช่วยส่งกำลังใจให้ลอง กลับมาเป็นคนเดิม; Pray for Long!

Thanakrit Thongfa
10 min readJan 19, 2021
QR code สามารถสแกนได้ทุกธนาคาร

น้องลองคือใคร: Who is Long’s?

นายจำลอง นาสวนสถิต (ชื่อเล่น: ลอง) อายุ 24 ปี มีลูกสาวอายุ 3 ขวบ และภรรยากำลังตั้งท้องลูกคนที่สองได้สามเดือนที่กำลังรอลืมตาดูโลก ลองมีพี่น้องทั้งหมด 5 คน พี่ชายสองคนน้องสาวหนึ่งคนและน้องชายคนสุดท้องอีกหนึ่งคนลองเป็นคนกลาง

ลองเกิดที่ชุมชนกะเหรี่ยงบ้านคลิตี้ล่าง ต.ชะแล อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ประเทศไทย ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงโปว์ ครอบครัวของลองอาศัยอยู่ในหมู่บ้านที่ห่างไกล อาศัยลำห้วยคลิตี้ในการดำรงชีวิตและมีอาชีพทำไร่ทำสวน

ลองและครอบครัวตอนที่ลูกสาวคนโตคลอดออกมาลืมตาดูโลก

เกิดอะไรขึ้นกับลอง: What happened with Long?

เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2564 ลองประสบกับอุบัติเหตุร้ายแรงขณะที่เขาและพี่ชายอีกคนกำลังตัดต้นไม้ที่กำลังยืนต้นตายให้ล้มลงมา เพื่อกันไม่ให้ล้มใส่บ้านใครในอนาคต ในขณะที่ตัดอยู่ได้มีกิ่งไม้แห้งตกลงมาโดนหัวกะโหลกด้านขวาของลองอย่างรุนแรงและลองก็หมดสติหลับไปนับแต่วินาทีนั้น จนปัจจุบัน ผ่านไป 9 วันแล้ว 14-23/01/2021 เขาก็ยังไม่ตื่น

หลังจากเกิดเหตุการณ์พี่ชายของลองที่อยู่ในเหตุการณ์จึงรีบไปเรียกญาตในชุมชนให้มาช่วยเอาลองไปส่งโรงพยาบาลในอำเภอ หลังจากถึงโรงพยาบาลอำเภอทองผาภูมิ ทางโรงพยาบาลก็ได้ใส่ท่อออกซอเจนและส่งตัวลองมาที่โรงพยาบาลจังหวัด ที่โรงพยาบาลพหลพลฯทันที ซึ่งต้องใช้เวลากว่า 5 ชั่วโมงกว่าจะมาถึงโรงพยาบาลใหญ่ในตัวจังหวัด หมอที่โรงพยาบาลจังหวัดได้ผ่าตัดกะโหลก นำชิ้นกระดูกที่ทิ่มสมองออกและผ่าตัดปิดกะโหลกกลับไป เป็นอันเสร็จและลองก็พักฟื้นอยู่ในอาการโคม่า ที่ รพ.จังหวัดได้สองวันอาการไมีดีขึ้น สมองยังบวม มีเลือดออก ฉี่มากกว่าปกติ มีไข้ตลอดเวลา และมีอาการดิ้นอยู่ตลอดเวลา

ผ่านไปสองวันลองก็ยังไม่ตื่นขึ้น พี่ชายคนโตที่ได้เช่ารถขับกลับมาจากเชียงใหม่ตั้งแต่วันแรกที่รู้ว่าน้องเกิดอุบัติเหตุ สังเกตอาการรู้สึกว่าน้องอาการไม่ดีขึ้น และรู้สึกสภาพแวดล้อมไม่ดี ไม่เอื้อต่อการฟื้นตัวของน้อง บวกกับการดูแลรักษาของหมอและเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลที่นี่ไม่เพียงพอ มีข้อจำกัดหลายอย่างและไม่เต็มที่ อาจจะทำให้อาการน้องยิ่งแย่ลงไป จึงได้ศึกษาข้อมูลโรงพยาบาลในภูมิภาคตะวันตกทุกโรงพยาบาลที่มีหมอเฉพาะด้านสมองโดยตรง ในที่สุดก็มีเพียงโรงพยาบาลเดียวที่สามารถรับอาการน้องได้คือ โรงพยาบาลกรุงเทพ สนามจันทร์ จ.นครปฐม และแม้จะรู้ว่าแพงที่สุดก็ไม่มีทางเลือก จึงได้ขอคุณหมอเรื่องขอย้ายตัวน้อง ซึ่งคุณหมอก็ให้ย้ายได้ และจัดการประสานเรื่องย้าย และได้ย้ายออกมาโดยทันที เพื่อรักษาต่อที่โรงพยาบาลเอกชน

ลองและลูกสาวคนโตในวัยสามขวบ

อัพเดทอาการรายวัน: Daily update

วันที่ 14 มกราคม 2564 (14, Jan, 2021)

เวลา 19.00 น. โดยประมาณ ลองกับพี่ชายคนโตไปตัดต้นไม้ที่ยืนต้นตาย ในระหว่างที่ตัด กิ่งไม้ขนาดใหญ่ตกลงมาจากต้นไม้ที่สูง โดนหัวกะโหลกแตก สลบหลับไปไม่รู้ตัว น้องชายผมอีกคนที่อยู่ด้วยขณะนั้น รีบไปเรียกญาตินำรถไปส่ง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพ.สต) พยาบาลห้ามเลือดเสร็จก็รีบส่งตัวมาที่โรงพยาบาลอำเภอทองผาภูมิ ถึงโรงพยาบาลทองผาภูมิหมอรีบใส่เครื่องช่วยหายใจและรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนาทันที กว่าจะถึงโรงพยาบาลก็เลยเทียงคืนแล้ว

วันที่ 15 มกราคม 2564 (15, Jan, 2021)

เอกซเรย์คอมพิวเตอร์พบว่ากะโหลกศีรษะด้านขวาแตกทิ่มไปในเนื้อสมอง และมีเลือดออกทั้งบนและล่างต่อเยื่อหุ้มสมองร่วมกับมีเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองด้านซ้ายและฐานกะโหลกร้าว ร้าวลงมาถึงก้านฐานตาแตกไปด้วย และหัวไหลด้านขวาก็ได้รับการกระแตกจนกระดูกไหปลาร้าแตก

แพทย์ได้ผ่าตัดกะโหลกศีรษะเอากะโหลกชิ้นที่ทิ่มในเนื้อสมองออกและเอาเลือดคั่งออกจากสมอง และนำชิ้นเศษกะโหลกที่แตกเป็นชิ้นเย็บกลับไปดังเดิม การหายใจต้องใช้เครื่องช่วยหายใจต่อตรงเข้าไปที่ปอด

วันที่ 16 มกราคม 2564 (16, Jan, 2021)

หลังผ่าตัด ลองมีอาการไข้ สมองบวม หน้าบวม ตาขวาช้ำเขียวและยังมีเลือดไหลออกมาเรื่อยๆ และยังไม่ตื่น แต่ร่างกายขยับแขนขาได้เล็กน้อยจากปติกิริยาการตอบสนองของร่างกาย ลองมีอาการดิ้นและขยับขาแขนทั้งคืน ต้องเช็ดตัวตลอดเวลา ทั้งวันทั้งคืนเพื่อไม่ให้มีไข้ (เข้าใจว่าน่าจะทรมาณมาก) และต้องรอพักฟื้นร่วมห้องกับผู้ป่วยคนอื่นรวมกันในห้องใหญ่ พี่ชายคนโตเห็นสภาพไม่ค่อยดีเลยเริ่มติดต่อประสานงานเรื่องการย้ายน้องไปโรงพยาบาลเอกชนที่มีหมอเฉพาะด้านสมองทันที

วันที่ 17 มกราคม 2564 (17, Jan, 2021)

ลองยังมีไข้สูง สมองบวม เลือดในสมองออก ฉี่ออกมาก จากสภาพแวดล้อมในการพักฟื้นตัว ไม่มีท่าทีว่าจะดีขึ้น ทำให้ญาติมีความกังวลและกลัวเรื่องปอดจะติดเชื้อ ร่างกายขยับได้เล็กน้อยยังไม่ฟื้น หลังจากตกลงเรื่องค่าใช้จ่ายโดยคร่าวๆกับโรงพยาบาลเอกชนได้แล้ว และพาน้องไปตรวจโควิด-19 ผลออกเป็นลบแล้ว ทางโรงพยาบาลปลายทางกับต้นทางอนุมัติเรื่องการย้าย และยืนยันการย้ายทันที

วันที่ 18 มกราคม 2564 (18, Jan, 2021)

โรงพยาบาลเอกชนนำรถพยาบาลมารับตัวน้องเพื่อไปการรักษาต่อยังโรงพยาบาลกรุงเทพสนามจันทร์ จ. นครปฐม แพทย์ให้เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ซ้ำพบว่าสมองด้านซ้ายเลือดออกมากขึ้น แพทย์นำเลือด เสมหะ ปัสสวะ ไปตรวจ เบื้องต้นพบว่า ปอดติดเชื้อสองตัว กำลังเข้าห้องแลบเพาะเชื้อหาชนิดของเชื้อ มีไข้สูง ขยับร่างแขนขาเล็กน้อยและยังไม่ฟื้น

วันที่ 19 มกราคม 2564 (19, Jan, 2021)

ตอนเช้าคุณหมอได้คุยชี้แจงผลการเอกซเรย์และอาการของน้องลองให้ฟังและฟังข้อแนะนำคุณหมอโดยรวมแล้ว พบว่ากะโหลกศรีษะแตก แยกจากกันเป็นชิ้นนับได้ 5 ชิ้น หมอที่โรงพยาบาลในจัดหวัดกาญฯ ได้ผ่าตัดเย็บกะโหลกกลับไปแล้ว แต่พบว่ามีชิ้นส่วนกะโหลกที่มีความคมจากการแตกละเอียด อาจจะมีความเสี่ยงในการไปทิ่มสมองได้ คุณหมอจึงแนะนำว่าทางที่ดีที่สุดคือการผ่าเอาชิ้นส่วนกะโหลกและเลือดที่ไหลจากอีกฝั่งหนึ่งออก จึงได้ตัดสินใจสรุปให้คุณหมอผ่าตัดอีกครั้ง เป็นครั้งที่สอง ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่คุณหมอแนะนำ เป็นการตัดสินใจผ่าอีกรอบเพื่อความสบายใจ และการผ่าตัดก็ผ่าไปได้ดี แพทย์ได้ทำการผ่าตัดกะโหลกศีรษะเอากะโหลก ทุกชิ้นที่แตกออกและเอาเลือดคลั่งออกจากสมอง พักฟื้นร่างกาย และอุณหภูมิร่างกายยังมีไข้ ขยับร่างแขนขาเล็กน้อยและยังไม่ฟื้น

วันที่ 20 มกราคม 2564 (20, Jan, 2021)

อาการยังทรงตัว ยังไม่ดีขึ้น หน้าบวมผลจากการผ่าตัด แต่ร่างกายจะดูดซับกลับมาในเร็ววัน พักฟื้นร่างกาย ยังมีไข้อ่อนๆ ขยับร่างแขนขาเล็กน้อยและยังไม่ฟื้น

ปัญหาอื่นๆที่เกิดร่วมตั้งแต่รับย้ายผู้ป่วยมารักษา

1. มีไข้สาเหตุจากปอดติดเชื้อขณะนี้นำเสมหะไปย้อมและเพาะเชื้อรวมกับให้ยาฆ่าเชื้อต่อเนื่องรอผลเพาะเชื้ออยู่

2. กระดูกใบหน้าแตกบริเวณโหนกแก้มและโครงไฟหน้าเฟซแต่ไม่เคลื่อนมากแพทย์ให้รอดูอาการ

3. กระดูกไหปลาร้าหักแทบ กระดูกไหปลาร้าหักแพทย์รอให้ผู้ป่วยตื่นรู้สึกตัวดีกว่านี้คอยประเมินผ่าตัด

4. การหายใจหายขณะนี้ยังใส่ท่อช่วยหายใจแพทย์มีแผนจะถอดท่อออกถ้าผู้ป่วยหายใจเองได้ดีขึ้นและเสมหะลดลง

วันที่ 21 มกราคม 2564 (21, Jan, 2021)

หมอระบบทางเดินหายใจ: การหายใจของน้องยัง ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ แต่หมอจะพยายามฝึกให้น้องหายใจเอง ตอนนี้ปรับเครื่องช่วยหายใจมาอยู่ ระบบ SPONT คือให้น้องหายใจด้วยด้วยเองเป็นหลัก หากหายใจไม่ทันหรือหายใจน้อยกว่าครั้งที่ตั้งไว้เครื่องจะช่วยโดยอัตโนมัติทันที เทียบได้กับหายใจเอง 70–80% และใช้เครื่องประมาณ 10–20% หากจะนำเอาท่อหายใจออกได้ก็ต่อเมื่อต้องตื่นก่อน ไม่ไอ ไม่มีเสมหะ หายใจเองได้ 100% แต่หากใส่เครื่องช่วยหายใจนานเกินไปก็ไม่ดีอาจจะทำให้มีความเสี่ยงเรื่องปอดติดเชื้อเพิ่มเติม หรือ อาจจะมีเสมหะอุดตันหลอดลมและอาจจะหลอดลมตีบได้

ในกรณีที่แย่ที่สุดคนไข้ยังไม่ตื่นภายในสองอทาทิตย ์(ตอนนี้ 7 วันแล้ว) ก็ยังเอาท่อช่วยหายใจออกไม่ได้ จำเป็นต้องเจาะคอ เพราะถ้าใส่ท่อนานเกิน อาจจะทำให้หลอดลมตีบได้ ไม่ควรเกินสองสัปดาห์ และยังมีความเสี่ยงเรื่องปอดติดเชื้อตามมาได้ด้วย เอาออกเร็วเท่าไหร่ได้ยิ่งดี แต่การเจาะคอถือเป็นการผ่าตัดเล็ก ผลค้างเคียงน้อยมาก มีแค่เลือดออก อนาคตถ้าหายดีแล้ว รูผ่าตัดก็จะปิดตามปกติสามารถกลับไปใช้ชีวิตแบบปกติได้

หมอสมอง: สมองยังมีอาการบวมจากที่เดิม แต่เลือดในสมองเริ่มหยุดไหลแล้ว แต่หมอยังไม่ได้เอาท่อทางไหลของเลือดออกจากสมอง ต้องรอให้เลือดแห้งหยุดสนิทจริงๆก่อน ถึงจะเอาออกครับค่อยเอาออก หน้ายังคมบวมจากการผ่าตัดเสร็จใหม่ๆ ส่วนที่ยังมีไข้ (ล่าสุด 10.00 น. วันนี้ มีไข้ 38 องศา) เนื่องจากอาการปอดอักเสบกับสมองที่ยังบวม เและการใช้เครื่องช่วยหายใจยังช่วยให้อาการสมองบวมลดเร็วขึ้นเพราะมีออกซิเจนไปช่วยให้สมองมีออกซิเจนเต็มที่ การรับรู้ช่วงเช้าตอยสนองได้เล็กน้อย จากการลองให้บีบมือกำมือ น้องทำตามหมอได้เล็กน้อย แต่ตอนบ่ายที่พี่ชายมาเยี่ยมน้องไม่ขยับมือ เข้าใจว่าน่าจะหลับอยู่ แต่ร่างกายแขนขา ยังขยับได้เล็กน้อย

วันที่ 22 มกราคม 2564 (22, Jan, 2021)

หมอสมอง: อาการสมองบวมยังไม่สามารถทราบได้ว่าอาการบวมลดลงหรือไม่ ต้องเอกซเรย์ แต่เนื่องจากอาการของน้องไม่ได้แย่ลงจึงไม่จำเป็นต้องเอกซเรย์ การตอบสนองของร่างกายค่อยๆดีขึ้นเล็กน้อย ร่างกายแขนขา ยังขยับได้เล็กน้อยเหมือนเดิม และกำมือแน่นได้ ช่วงเช้าตอนที่คุณหมอนำเอาท่อช่วยหายใจออก น้องลืมตามาเล็กน้อยเพราะอาจจะเกิดจากการเจ็บตอนนำท่อช่วยหายใจออก ส่วนอาการไข้ ช่วงเช้าไม่มีไข้ แต่ช่วงบ่ายยังมีไข้กลับมาสูง ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ความเข้มข้นของเลือดอยู่ที่ 33.3 L ถือความเข้มข้นดีขึ้นกว่าวันก่อน ไม่จำเป็นต้องให้เลือดเพิ่ม ค่าการติดเชื้อของเม็ดเลือดขาวดีขึ้นนิดหน่อย ส่วนการติดเชื้อในปอดยังมีอยู่ แต่ลดลง เพราะให้ทานยาฆ่าเชื้อและเชื้อไม่ดื้อยา เชื้อแบคทีเรีย เหลือ 75 % การกินข้าวทางสายยาง คุณหมอจะลองเริ่มให้น้องทานข้าวเย็นนี้ หากไม่มีปัญหาอะไรก็สามารถทานข้าวต่อได้ทุกวันผ่านสายยาง เลือดในสมองเริ่มหยุดไหลแล้ว ที่ยังไหลออกมาคือ เหลือแค่น้ำจางๆเป็นน้ำปนเลือด ส่วนแผลคุณหมอได้เช็คดูแล้ว สามารถตัดไหมเย็บแผลได้อีกประมาณ 10–14 วัน และคุณหมอได้เปลี่ยนสายระบายเลือดชุดใหม่ ให้ระบายดีขึ้นแล้ว หน้ายังคงบวมเล็กน้อยจากการผ่าตัดสมอง เบื้องต้นต้งสังเกตุอาการวันต่อวัน

หมอระบบทางเดินหายใจ: คุณหมอเอกสเรย์ปอดดูแล้วดีขึ้น ไม่ได้ต่อเครื่องช่วยหายใจช่วงเที่ยงเมื่อวาน หายใจได้ดีถึงวันนี้เช้า การหายใจของน้องวันนี้คุณหมอให้หายน้องหายใจเองโดยไม่มีเครื่องช่วยหายใจแล้ว ใช้เพียงออกซิเจนช่วยหายใจตามปกติ น้องสามารถหายใจได้ด้วยตัวเองประมาณ 80% ได้แล้ว และคุณหมอจึงนำท่อหายใจออกให้ เนื่องจากน้องมีเสมหะไม่มากและเริ่มหายใจเองได้ ต้องติดตามต่อเรื่องผลการตอบสนองของร่างกาย กรณีไม่มีลมเข้าปอด เพราะคอยังปวดอาจจะหายใจไม่ได้เต็มที่เท่าที่ควร และต้องระวังเรื่องของการอุดตันของเสมหะ เพราะหลังนำท่อช่วยหายใจออกแล้ว จะสามารถดูดเสมหะได้แค่ช่วงบน ถ้าลึกเข้าไปข้างในคนไข้ไอเองไม่ได้ก็ไม่สามารถนำเสมหะออกมาได้ ในกรณีที่เสมหะกลับมาเยอะจริงๆ หรือเสมหะอุดตัน ก็ต้องนำท่อช่วยหายใส่กลับไปอีกครั้ง หลังจากนี้ก็ต้องติดตามต่อเป็นระยะ วันต่อวัน

วันที่ 23 มกราคม 2564 (23, Jan, 2021)

หมอสมอง: อาการสมองบวมยังไม่มีความเปลี่ยนแปลงไปมากกว่าเมื่อวานตอนเย็น การตอบสนองของร่างกายก็ยังทรงตัวไม่ต่างจากเมื่อวาน ร่างกายแขนขา ยังขยับได้เล็กน้อยเหมือนเดิมเช่นกัน ส่วนอาการไข้ ยังมีไข้แต่ลดลงมานิดหน่อย ส่วนการติดเชื้อในปอดยังมีอยู่ แต่ลดลง เพราะให้ทานยาฆ่าเชื้อและเชื้อไม่ดื้อยา การกินข้าวทางสายยาง เมื่อวานคุณหมอวางแผนจะลองเริ่มให้น้องทานข้าวเมื่อวานเย็น แต่เนื่องจากเกรงว่าดึกแล้วจะมีปัญหา จึงเปลี่ยนมาให้เริ่มทานข้าวทางสายยางวันนี้แทน หากไม่มีปัญหาอะไรก็สามารถทานข้าวต่อได้ทุกวันผ่านสายยาง เลือดในสมองเริ่มหยุดไหล ที่ยังไหลออกมาคือน้ำเลี้ยงสมอง เหลือแค่น้ำจางๆเป็นน้ำปนเลือดแดงอ่อนๆ หน้ายังคงบวมเล็กน้อยจากการผ่าตัดสมอง แต่วันนี้ลดลงไปกว่าเมื่อวานพอสมควร เบื้องต้นต้งสังเกตุอาการวันต่อวัน

หมอระบบทางเดินหายใจ: คุณหมอเอกสเรย์ปอดดูแล้วดีขึ้นเรื่อยๆ ผลการเพาะหาเชื้อในปอดตอนนี้ผลแลปออกแล้ว พบว่ามีเชื่อแบคทีเียสองตัว แต่โชคดีที่ยาฆ่าเชื่อสามารถป้องกันการขยายตัวของเชื้อและทำให้เชื้อแพ้ยาได้ ดังนั้นจึงใช้ยาฆ่าเชื้อต่อไป การหายใจโดยไม่ใช้เครื่องช่วยหายใจถือว่าหายใจได้ดีอยู่ เหลือเพียงออกซิเจนช่วยหายใจตามปกติ เพื่อช่วยเรื่องออกซิเจนในสมอง เสมหะมียังไม่มาก แต่ก็ยังต้องระวังเรื่องของการอุดตันของเสมหะ เพราะหลังนำท่อช่วยหายใจออกแล้ว จะสามารถดูดเสมหะได้แค่ช่วงบน ถ้าลึกเข้าไปข้างในคนไข้ไอเองไม่ได้ก็ไม่สามารถนำเสมหะออกมาได้ ในกรณีที่เสมหะกลับมาเยอะจริงๆ หรือเสมหะอุดตัน ก็ต้องนำท่อช่วยหายใส่กลับไปอีกครั้ง หลังจากนี้ต้องติดตามต่อเรื่องผลการตอบสนองของร่างกาย ต่อเป็นระยะ วันต่อวัน และยังไม่ตื่นเหมือนเดิม

อาการอื่นไหปลาร้าหัก ยังไม่มีการเอกเรย์ใดๆ และยังไม่มีแผนจะผ่าตัดเร็วๆนี้

วันที่ 24 มกราคม 2564 (24, Jan, 2021)

ไม่มีไข้แล้วตั้งแต่เมื่อคืน การหายใจปกติ การเต้นของหัวใจปกติ ออกซิเจนปกติ ตาที่เขียวบอบช้ำก็เริ่มยุบลง แต่ยังมีเขียวช้ำเล็กน้อย หน้าเริ่มยุบลงมาเกือบปกติแล้ว และเริ่มทานอาการทางสายยางได้ปกติ และเมื่อตอนตี 4 เริ่มมีถ่ายอุจาระ ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีในการทำงานของลำใส้ที่ปกติดี ฉี่ออกมาปกติ เลือดในสมองก็ออกมาแค่เพียงน้ำเลี้ยงสมองปกติ ปติกิริยาร่างกายยังคงเหมือนที่ผ่านมายังขยับแขนขาเล็กน้อย ยังไม่ตื่น โดยรวมแล้วอาการโดยรวมยังทรงๆ ยังคงต้องดูต่อไปวันต่อวัน

วันที่ 25 มกราคม 2564 (25, Jan, 2021)
หมอตา: จากอุบัติเหตุ กะโหลกได้รับการกระแทกอย่างแรง ทำให้กระดูกโหลกแตกลงมาถึงกระดูกขอบตา จึงทำให้ตาบวม ช้ำม่วงเขียว แต่เบื้องต้น ไม่กระทบเส้นประสาทตา ดวงตาไม่มีปัญหา อีกประมาณ 2 อาทิตย์ตาน่าดีขึ้น ตอนนี้คุณหมอให้ยาหยอดตาเพื่อขยายลูกตา เพื่อเช็คดูเพื่อหาความผิดปกติอย่างอื่นทีอาจจะมีได้ และต้องหยอดให้ ทุกๆครึ่งชม. จอประสาทตาไม่มีปัญหาน่าจะเห็นปกติ ไม่บอด แต้ต้องดูกล้ามเนื้อตา อีกทีว่าคนไข้จะมองเห็นไหม แต่เบื้องต้น กล้ามเนื้อตาไม่กระทบมาก

กายภาพบำบัด: หลังจากเอาเลือดในหัวออกหมดออกแล้ว อาจจะใช้เวลานานหน่อย ต้องคอบดูความดันในสมองว่าปกติไหม ตอนนี้ความรู้สึกตัว การขยับร่างกายน้อยลง เพราะความดันในสมอง เลือดทำให้สมองทำงานไม่ได้ อาจจะไปกดก้านสมอง การรับรู้ยังไม่สามรถตอบสนองได้ทันทีต้องค่อยๆให้น้อฟื้นตัว

หมอสมอง: สวันนี้คุณหมอเอกซเรย์สมองอีกครั้งเพื่อเช็คความเปลี่ยนแปลง เบื้องต้น อาการสมองบวมยุบลงแล้ว โดยรวมถือว่าโอเค ไม่มีเลือดแล้ว เอาสายยางระบายเลือดด้านขวาออกไปหนึ่งเส้นแล้ว ยังเหลือสายยาง ด้านซ้ายสองเส้น ให้น้ำในสมองไหลออก ซึ่งเป็นน้ำจางๆ เรื่องไข้ ตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็นไข้ลดลงแล้ว ไม่มีไข้ แต่ยังให้ยาลดไข้ทานไปเรื่อยๆก่อน เพราะอาจจะกลับมามีไข้ได้ การตอบสนองอาจจะตอบสนองช้า ส่วนการเย็นแผลในชั้นกล้ามเนื้อจะช้ำบวมอีกสักประมาณ 2 อาทิตย์ก็จะดีขึ้น ปัญหาอื่นที่พบก่อนหน้านี้ก็ค่อยๆดีขึ้น แผล สมอง ไข้ เสมหะ การติดเชื้อ ดีขึ้น อาหาร ทานได้ปกติ เมื่อวานถ่ายอุจาระสองครั้ง โดยรวมอาการตอนนี้เริ่มทรงตัวแล้ว คืออาจจะอยู่ในสภาพนี้ไปเรื่อยๆ การฟื้นตัวจะช้าหน่อย ยังไม่รู้จะกลับมาตื่นได้มากกว่านี้ไหม ต้องใช้เวลา เพราะตอนนี้ตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุ คุณหมอได้ทำทุกอย่างเพื่อแก้ไขไปแล้ว และอาการข้างเคียงอย่างอื่นก็ค่อยๆดีขึ้น ที่เหลืออยู่ที่การฟื้นตัวของคนไข้เท่านั้น

หมอปอด: การหายใจถือว่าดีขึ้นเรื่อยๆ หลังจากเอกซเรย์ปอดไปอีกครั้งพบว่าปอดแฟบเล็กน้อย คุณหมอได้ทำการเคาะปอดเพื่อให้หายใจดีขึ้น ส่วนเรื่อง เสมหะถือว่ายังมีน้อยอยู่

วันที่ 26 มกราคม 2564 (26, Jan, 2021)

ปริมาณน้ำเข้าน้ำออกดี ผลจากการที่สมองบวม ทำให้คุณหมอให้ยาลกสมองที่ผ่านมา ทำให้เกลือแร่ในร่างกายน้องต่ำ สมองยังคงต้องใช้เวลานานในการฟื้นตัว วันนี้คุณหมอนำเครื่อง AIRWAY ออกจากปากของน้องแล้ว ซึ่งปกติอุปกรณ์ชิ้นนี้มีไว้กันลิ้นตก น้องลิ้นไม่ตกแล้วแต่ปากยังคงอ้าค้างอยู่เนื่องจากอยู่กับอุปกรณ์ในใส่ไปในปากเป็นเวลานาน ถ้าไอเพิ่มจะนำกลับมาใส่ใหม่ และไว้ดูดเสมหะในลำคอระดับตื้นๆ เสมหะมียังไม่มาก แต่ก็ยังคงทำกายภาพปอดโดยการเคาะปอดทุกวัน หากมีเสมหะเยอะอาจจะเสี่ยงเรื่องติดเชื้อเพิ่มได้เนื่องจากน้องยังกลิ่นน้ำลายไม่ได้ เนื่องจากเมื่อวานปอดน้องแฟบนิดหน่อย แต่ไม่มาก เชื้อในปอดยังคงให้ยาฆ่าเชื้อไปเรื่อยๆ โดยรวมปอดไม่มีปัญหา การหายใจดีขึ้นเรื่อยๆ ไข้ดีขึ้น ไม่มีไข้ตั้งแต่เมื่อวาน การกินคุณหมอเปลี่ยนท่อสายยางทางปากมาเป็นทางจมูก ซึ่งดีกว่า ต้องค่อยๆให้อาหารเหลียว หากอนาคตน้องเริ่มดีขึ้นจะเริ่มหยอดน้ำเปล่าเข้าปากโดยตรง ถ้าดีขึ้นต่อเนื่องก็จะค่อยๆปรับเป็นน้ำหวาน นม โจ๊กละเอียด โจ๊ก และข้าวตามลำดับ 26 ส่วนการตอบสนองของร่างกายยังทรงๆ คือขยับแขน ขาได้ตามปติกิริยาตอบสนองของร่างกาย แต่ยังไม่ตอบสนองจากสมอง ส่วนท่อระบายเลือดที่สมองคุณหมออาจจะนำออกพรุ่งนี้ทั้งสองท่อ

วันที่ 27 มกราคม 2564 (27, Jan, 2021)

คุณหมอนำสายระบายเลือดในสมองออกแล้ว เพราะไม่มีเบือดออกแล้ว เริ่มลดน้ำเกลือ และเพิ่มปริมาณอาหารขึ้น เกือบเท่าคนทั่วไป ยาที่ยังใช้อยู่เหลือแค่ ยาฆ่าเชื้อ ยาแก้ปวด ยา แก้ไอ ละลายเสมหะ ยาลดไข้ ยากันชัก ยาหยอดตา การตอบสนองของร่างกาย เชื้อในปอด อากาไข้ ดีขึ้นนิดหน่อย โดยรวมแล้วอาการยังทรงๆไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลงมาเมื่อเทียบกับเมื่อวาน

วันที่ 28 มกราคม 2564 (28, Jan, 2021)

บางช่วงที่มีการทดสอบความเจ็บของร่างกายน้องลืมตา บางช่วงกลืนน้ำลายเอง คุณหมอจะเริ่มหยุดให้น้ำเกลือ และจะให้อาหารเท่ากับปริมาณของคนทั่วไปในวันพรุ่งนี้ เพราะน้องสามารถรับอาหารได้เต็มที่แล้ว อาการไข้ยังไม่เสถียร บางช่วงไม่มีไข้ บางช่วงก็มีไข้อ่อนๆ คุณหมอเก็บปัสสาวะไปตรวจเพิ่ม และเจอแบคทีเรียในทางเดินปัสสาวะเล็กน้อย เนื่องจากใส่ท่อเดินปัสสาวะมานาน ปอดคุณหมอพึ่งได้ผลเพาะเชื้อออกมา และเจอ ตัวเชื้อที่ดื้อยา แต่คุณหมอยังไม่ให้ยาเพิ่มเนื่องจากจะมีผลข้างเคียงต่อร่างกายสูง จะรอดูอาการไปก่อนเพราะดูจากปอดแล้วไม่ค่อยมีอะไรเสียหายเยอะอาจจะโดนเป็นแค่เชื้อที่อยู่ในเสมหะในช่องปาก ชีพจรปกติ ความดันปกติ แผลที่หัวจะเริ่มตัดไหมบางส่วนออกพรุ่งนี้ โดยรวมอาการเริ่มทรงตัวไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงไปมากจากสองสามวันก่อน ต้องคอยดูต่อไปวันต่อวัน

วันที่ 29-30 มกราคม 2564 (29–30, Jan, 2021)

อาการโดยรวมยังทรงตัว ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมาก ต้องระวังแค่เรื่องปอดติดเชื้อที่ต้องคอยดูอย่างใกล้ชิด และรอให้สมองฟื้นตัว ยังมีเสมหะมาก พยาบาลต้องคอยดูดูดเสมหะตลอดเวลา การตื่นตัวของร่างกายๆค่อยดีขึ้น แต่ไม่ฟื้น

วันที่ 31 มกราคม 2564 (31, Jan, 2021)

วันนี้ตอนตาเริ่มเปิดแต่ยังไม่โฟกัส เปลือกตาเปิดเฉยๆ ส่วนร่างกายเริ่มมีปติกิริยาตอบสนองเล็กน้อย เช่นเวลาให้ชูสองนิ้วก็ชูสองนิ้วข้างขวาได้ แต่ไม่ใช่นิ้วชี้กับนิ้วกลาง เป็นนิ้วกลางกับนิ้วนาง และพอเวลาให้กำมือก็กำมือได้ทั้งสองข้างแบบเบาๆ วันนี้ถือว่าการตอบสนองของร่างกายดีขึ้นจากเดิมพอสมควร ส่วนอาการปอดติดเชื้อ และเสมอหะต้องรอคุณมามาเช็คพรุ่งนี้วันจันทร์อีกที

วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 (1, Feb, 2021)

วันนี้ช่วงเช้าอาการปกติเหมือนเมื่อวาน ช่วงเย็นคุณหมอจึงให้ย้ายออกจากห้องไอซีอยู่มาอยู่ธรรมดา แต่หลังจากย้ายมาอยู่ธรรมดาได้ประมาณ 20 นาที น้องเริ่มมีอาการดิ้นรุนแรงกว่าปกติ เกรงกล้ามแขน และพยายามดิ้นเพื่อลุกขึ้นนั่ง จนชีพจรเต้นเร็วกว่าปกติ หายใจเสียงดังผิดปกติ คุณหมอจึงฉีดยาระงับประสาทไป สองเข็มเนื่องจากเข็มแรก ยังไม่สงบ และได้ให้ส่งตัวไป ซีที สแกนสมองอีกที เพื่อเช็คความผิดปกติ และเจาะเลือดเพิ่ม หลังจากทราบผลการสแกนแล้ว ปรากฎว่าสมองยังมีอาการช้ำ ส่วนผลเลือดปกติดี และยังไม่จำเป็นต้องกลับไปห้อง ไอซียู และตอนนี้ก็ยังดิ้นอยู่เป็นระยะ พรุ่งนี้รอดูอาการจากคุณหมออีกที

วันที่ 2กุมภาพันธ์ 2564 (2, Feb, 2021)

วันนี้อยู่ในห้องปกติอาการสงบลงกว่าเมื่อวานเยอะ ช่วงเช้าหมอยังให้น้ำเกลือ ยังมีเสมหะเยอะ ต้องดูดออกตลอดเวลา เพราะเสมหะติดคอทำให้น้องหายาใจติดขัด วันนี้หมอมาทำกายภาพบำบัดสองรอบ ช่วงบ่ายเริ่มมีการตอบสนองของร่างกายจากนิ้วมือด้านซ้าย สามารถชูนิ้วได้เล็กน้อยตามที่สั่ง ตั้งแต่นิ้วโป้งไปถึงนิ้วก้อยไล่ไปทีละนิ้ว แต่อย่างอื่นยังทำไม่ได้ ผลเลือดดีขึ้น อาการปอดติดเชื้อก็ดีขึ้น เหลือเพียงเรื่องเสมหะที่ยังมีเยอะ ยังคงจำเป็นต้องอยู่ต่อไปที่นี่อีกระยะ

วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2564 (3, Feb, 2021)

อาการโดยรวมเหมือนเมื่อวาน แต่นอนทั้งวันเนื่องจากหมอคุณให้ยานอนหลับไปสองรอบ ปกติจะตื่นวันละสองถึงสามครั้ง หรือตอนพยาบาลมาทำกายภาพบำบัด หรือช่วงดูดเสมหะจะตื่น แต่วันนี้หลับทั้งวันเลย อาการที่ยังคงน่าเป็นห่วงที่เหลือก็แค่ มีเสมหะเยอะตลอดเวลา และยังไม่ตื่น ส่วนอาการปอดติดเชื้อค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆ

วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2564 (4, Feb, 2021)

วันนี้มีตื่นขึ้นมาเปิดตาบางช่วง ขยับนิ้วได้รอบหนึ่ง อาการโดยรวมถือว่าดีขึ้นเรื่อยๆ เหลือเพียงเรื่องเสมหะที่ยังเยอะ คุณหมอบอกว่าหากอาทิตย์หน้ายังไม่ดีขึ้น อาจจะต้องใช้ทางเลือกสุดท้ายคือการเจอะคอ ซึ่งจะง่ายต่อการดูดเสมหะ แต่ก็เสียงต่อการติดเชื้อด้วยเช่นกัน คุณหมอเอาผ้าปิดแผลผ่ากะโหลกข้างซ้ายออกแล้วเนื่องจากแผลแห้งดีแล้ว ส่วนด้านขวาที่ผ่าตัดซ้ำ เอกออกเฉพาะแม็กที่เย็บแผล ส่วนด้ายยังไม่ได้เอาออก น่าจะเอาออกพรุ่งนี้

วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 (5, Feb, 2021)

วันนี้อาการโดยรวมยังคงที่ ยังมีเสมหะเยอะ พยาบาลต้องมาคอยดูดเป็นระยะๆ ไข้มีบางช่วงแต่เป็นไข้ต่ำๆ การรับรู้พอๆกับเมื่อวานคือ ตาลืมขึ้นได้แต่ลอยๆ ไม่จ้องเฉพาะ นิ้วยกได้นิ้วโป้ง นิ้วชี้ ตามที่เราสั่งได้บางช่วงที่เขาตื่นมา เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับเพราะน้องพยายามจะลุกขึ้นนั่งตลอดทั้งคืน จนถึงตีสามกว่าจะได้นอน ส่วนการย้ายโรงพยาบาล ได้ปรึกษาคุณหมอแล้ว อาทิตย์หน้าน่าจะย้ายได้ เพียงแต่ต้องเข้าเงื่อนไขที่หมอแนะนำ คือ โรงพยาบาลที่ไปต้อง ไม่คนแน่นจนเกินไปเพราะอาจจะเจอเชื้อตัวที่ดื้อยาได้ โรพงยาบาลเล็กๆตามตำบลหรืออำเภอก็ได้เพราะคนจะน้อยหน่อย แต่ต้องมีเครื่องดูดเสมหะ ออกซิเจน เครื่อนสแกนสมองและปอด และต้องระวังเรื่องการดูแลอย่างใกล้ชิดจากญาติ

วันที่ 6–8กุมภาพันธ์ 2564 (6–8, Feb, 2021)

อาการโดยรวมค่อยๆดีขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการตื่นตัว ตาเปิดบอยขึ้น ชูนิ้วซ้ายตามสั่งได้ กดปุ่มรีโมททีวีได้นิดหน่อย ขยับหัว และคอได้ดีขึ้น สวนเรื่องเสมหะวันนี้มีน้อยลง ปอดติดเชื้อก็เหลือยาที่ต้องกินอีกแค่ 3 วันก็จะครบแล้ว และคาดว่าอาทิตย์นี้จะอยู่ที่นี่อาทิตย์สุดท้ายแล้วก่อนที่จะย้ายกลับไปรพ.รัฐเล็กๆใกล้ๆบ้าน

วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2564 (9, Feb, 2021)

วันนี้การตอบสนองของร่างกายค่อยเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ตื่นเยอะขึ้น แรงเยอะขึ้น เริ่มยกก้นได้เล็กน้อยแล้ว แขนขวามีขยับได้นืดหน่อย แขนซ้ายแรงเยอะขึ้นพยายามแก้เชือกที่ผูกมือไว้ตลอด บางช่วงที่คนเฝ้าไปเข้าห้องน้ำ น้องสามารถแก้เชือกที่มือได้และเอามือไปดึ่งท่อสายให้อาหารหลุดออกมาเลย ทำให้ต้องเรียกพยาบาลมาใส่ใหม่ จึงต้องมัดมือให้แน่นขึ้น คุณหมอพยายามให้ลองกินน้ำทางปากแต่น้องยังกลืนไม่ได้ ก็เลยต้องหยุดไว้ก่อน ยังคงต้องให้อาหารทางสายท่ออาหารต่อไปก่อน ช่วงเย็นลองให้ดื่มน้ำในแก้วด้วยหลอด น้องดูดขึ้นได้แต่ก็ยังกลืนไม่ได้เหมือนเดิม

วันที่ 10–11กุมภาพันธ์ 2564 (10–11, Feb, 2021)

สองวันนี้ร่างกายเริ่มขยับได้มากขึ้น วันนี้หมอเริ่มให้ดื่มน้ำเองได้ พอดื่มน้ำเองได้จึงเอาสายท่อให้อาหารที่จมูกออก และเช้านี้คุณหมอจึงให้ลองดื่มนมดู ก็ดื่มได้ หมดไปครึ่งกล่อง ก็เลยลองให้ทานโจ๊กดูก็ทานโจ๊กได้ครึ่งถ้วย ถือว่าดีขึ้นมาเยอะ และลองให้เดินดูก็เดินได้เล็กน้อยแต่ต้องมีคนประคองประกบสองข้าง แผลด้านขวาก็นำผ้าผิดแผลออกแล้วเพราะแผลแห้งสนิทดีแล้ว เสมหะก็น้อยลงไปเยอะ ยาฆ่าเชื้อในปอดก็เหลือวันนี้ชุดสุดท้าย ที่เหลือก็รอฟื้นร่างกายและจะย้ายไปโรงพยาบาล สมเด็จพระปิยมหาราชรมณียเขต ต.ไทรโยค อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ในวันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 นี้ เพื่อให้อยู่ใกล้บ้าน

วันที่ 12กุมภาพันธ์ 2564 (12, Feb, 2021)

น้องเริ่มทานโจ๊กด้วยตัวเองได้ และไม่ต้องทานยาฆ่าเชื้อแล้ว น้องพยายามเดินขามีแรงแต่เอวยังออนแรง ยังพูดไม่ได้ เริ่มเขียนได้แต่ยังไม่ได้เป็นคำ โดยรวมถือว่าดีขึ้นเยอะ

วันที่ 13กุมภาพันธ์ 2564 (13, Feb, 2021)

วันนี้ตอนเช้าน้องเริ่มพูดคำว่าดื่มน้ำคำแรก แต่ยังไม่ชัดเจน ทานโจ๊กได้ดี และอาการดีขึ้นมาก และการทำเรื่องย้ายไปโรงพยาบาลสมเด็จพระปิยมหาราชรมณียเขต ก็มีห้องว่างพอดีจึงตัดสินใจย้ายกัวันนี้เลย ตอนนี้กำลังรอรถพยาบาลว่าง น่าจะได้ออกจากโรงพยาบาลกรุงเทพสนามจันทร์ช่วงเย็น ถึงโรงพยาบาลสมเด็จพระปิยมหาราชรมณียเขต ค่ำๆ ตอนนี้ก็เหลือเพียงให้สมองพักฟื้น และให้ร่างกายได้ทำกายภาพบำบัดให้กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ และพึ่งจ่ายยอดค่าใช้จ่ายที่ค้างไว้ทั้งหมดให้กับทางโรงพยาบาลกรุงเทพไปเรียบร้อย ถือว่าอาการดีขึ้นเร็วกว่าที่คาดการณ์กันไว้เยอะมาก ทั้งหมอพยาบาลและพวกเราไม่มีใครคาดคิดว่าน้องจะอาการดีขึ้นเร็วขนาดนี้ จึงได้กลับไปพักฟื้นใกล้บ้านเร็วกว่าที่คาดไว้เยอะ

ส่วนการเปิดรับบริจาค ก็ยังคงเปิดต่อไปเรื่อยๆเพราะน้องยังต้องมีผัดตัดในอนาคตอีกอย่างน้อย 3 ครั้ง คือผ่าตัดใส่กะโหลกเทียม สองข้าง ข้างละครั้ง ห่างกันอย่างน้อย1–2เดือน ตกครั้งละประมาณ 200,000 บาท สองครั้งรวมเป็นค่าใช้จ่ายประมาณ 400,000 บาท และผ่าตัดไหปลาร้าแตกอีก 1 ครั้ง อีกประมาณ 100,000 บาท ซึ่งเป็นเรื่องที่ทางครอบครัวต้องกลับไปวางแผนเรื่องการเงินกันต่อไป

วันที่ 15–16 กุมภาพันธ์ 2564 (15–16, Feb, 2021)

การตอบสนองของร่างกายดีขึ้นตามลำดับ เอวเริ่มแข็งแรงขึ้น เริ่มพูดได้มากขึ้น ไม่มีอาการแทรกซ้อน เหลือต้องทำกายภาพบำบัดเพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นฟูตัวเร็วขึ้น แต่ช่วงนี้พอน้องเริ่มสื่อสารได้ดีขึ้น ก็จะมีปัญหาในเรื่องของอารมณ์หงุดหงิดเข้ามานิดหน่อย บวกกับอากาศช่วงกลางวันร้อนด้วย อาจจะมีผลทำให้น้องหงุดหงิดอารมณ์เสียบ้าง และบ่นอยากกลับบ้านทั้งวัน เนื่องด้วยตอนนี้น้องยังไม่สามารถมารถเดินด้วยตัวเองได้ ยังไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองอีกหลายอย่างได้จึงยังต้องรอให้ฟื้นตัวจนกว่าร่างกายจะฟื้นตัวดีขึ้นในระดับที่พอจะช่วยเหลือตัวเองได้ 80–90% ถึงจะกลับไปดูแลต่อที่บ้านได้

วันที่ 17–18 กุมภาพันธ์ 2564 (17–18, Feb, 2021)

สองวันนี้น้องลองอาการยังคงดีขึ้นมาตามลำดับ เอวแข็งแรงขึ้น แต่ยังต้องพยุงตัวเดิน การพูดก็ชัดขึ้น อาการหงุดหงิดน้อยลง เพราะพรุ่งนี้เตรียมตัวจะพากลับไปรักษาตัวที่บ้านแล้ว การตอบสนองของร่างกายตอนนี้เกือบ 90% แล้ว แค่ต้องใช้เวลาฟื้นตัวอีกระยะเพื่อให้ร่างกายค่อยๆกลับมาดีขึ้นตามลำดับต่อไป ส่วนอาการข้างเคียงอย่างอื่นก็ไม่มีแล้ว น้องแค่รู้สึกปวดหัวบางเวลาและเจ็บท้ายทอยบางช่วง โดยรวมถือว่าดีขึ้นเร็วมากกว่าปกติ ครอบครัวคุยกันว่าจะขอกลับไปดูแลพักฟื้นที่บ้านต่อเพื่อให้น้องได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี และได้รับกำลังใจจากชาวบ้านและการดูแลอย่างใกล้ชิดจากครอบครัว

ภาพวันที่ 18 ก.พ. 64 ตอนเช้า น้องออกไปเดินเล่น อาการดีขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เหลือเพียงต้องรอเวลาอีกนิดเพื่อให้เขากลับมาสร้างรอยยิ้มอีก

วันที่ 19กุมภาพันธ์ 2564 (19, Feb, 2021)

วันนี้น้องตื่นแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน หลังจากจัดการเรื่องเอกสารการเงินเรียบร้อย เที่ยงๆน้องญาติก็พาน้องลองกลับบ้านเพื่อไปพักฟื้นต่อที่บ้านตัวเอง อาการโดยรวมดีขึ้นมาก ยังมีปวดหัวเล็กน้อยเป็นบางช่วง ปวดท้ายทอยนิดหน่อย ระหว่างทางน้องถามตลอดว่าใกล้จะถึงหรือยัง ช่วงเย็นๆถึงบ้านมีชาวบ้านมาหาเป็นระยะๆเพื่อมาให้กำลังใจน้อง น้องจำทุกคนได้หมดและระหว่างที่คุยกันน้องมีน้ำตาคลอ เพราะน้องรู้สึกตื้นตันใจมากๆที่ทุกคนมาให้กำลังใจ และน้องได้รับกำลังใจดีมากจากชาวบ้านจนไม่นอนพักเลย แต่ช่วงดึกๆน้องก็นอนหลับปกติ

การดูแลต่อที่บ้านคือทำที่นอนให้น้องใต้ถุนบ้าน ทำเป็นห้องนอนชั่วคราว หาที่นอนให้ใหม่ ซื้อที่ถ่ายอุจาระให้น้อง และอุปกรณ์กายภาพ นิ้วมือ แขน ขา และกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ให้น้อง ได้ทำกายภาพบำบัด น้องสามารถพูดได้ดีขึ้น กินได้เอง เดินตามพื้นราบได้ 90% นั่งเองยังไม่ได้ อาบน้ำเองยังไม่ได้ เข้าห้องน้ำเองยังไม่ได้ แต่ทุกอย่างค่อยๆดีขึ้นทีละนิด

ภาพวันที่ 19 ก.พ. 64 ช่วงเย็น น้องลองกลับมาถึงบ้าน ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากพ่อแม่พี่น้องญาติๆและชาวบ้านที่มาคอยให้กำลังใจตลอดเวลา

วันที่ 20กุมภาพันธ์ 2564 (20, Feb, 2021)

วันนี้น้องตื่นมาด้วยความสดใส น้องพยายามเดินขึ้นบ้านโดยการช่วยการพยุงจากพ่อและพี่ชาย น้องตื่นตัวดีคุยโทรศัพท์ได้ และได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากแม่ พ่อภรรยา และพี่ชาย รวมทั้งญาติที่คอยมาช่วยกันดูแล และตั้งแต่เมื่อวานน้องยังไม่ถ่ายเลย แต่พึ่งได้ฉี่ครั้งแรกตั้งแต่กลับมาบ้าน และฉี่เยอะพอสมควร

วันที่ 21กุมภาพันธ์ 2564 (21, Feb, 2021)

วันนี้น้องตื่นแต่เช้า ไปฉี่ ฉี่น้องมีสีปนเลือดนิดหน่อย แต่น้องไม่ได้เจ็บอะไร น้องไม่ได้ปวดฉี่แต่พยายามเบ่งฉี่ เพราะเมื่อวานน้องดื่มน้ำน้อย แต่อาการอย่างอื่นก็ปกติเหมือนเดิม พูดชัดขึ้น คุยโทรศัพท์ได้ ชัดขึ้น

จากการตั้งข้อสังเกตุ ความจำน้องดี จำทุกอย่างก่อนเกิดอุบัติเหตุได้เกือบหมด แต่ความจำน้องหลังจากฟื้นจะเป็นลักษณะย้ำพูดย้ำคิด คือจะจำสิ่งที่ทำไปหรือสิ่งที่พูดไปไม่ได้หรือจะพูดซ้ำอยู่ตลอด ถามหาคนคนเดียวหลายครั้งไม่แน่ใจว่าน้องลืมว่าพึ่งพูดไปหรือต้องการถามย้ำ แต่น้องถามมากกว่า3–5 ครั้งขึ้นไป

ภาพวันที่ 21 ก.พ. 64 เช้าวันนี้น้องตื่นมาสดใส่ อยู่กับแม่และลูกสาวณิชาที่ตอนนี้เริ่มจำพ่อได้ จากที่ก่อนหน้านี้ไม่กล้าเข้าใกล้พ่อ และวันนี้ลองก็เริ่มยิ้มได้แล้ว

วันที่ 22กุมภาพันธ์ 2564 (22, Feb, 2021)

อาการวันนี้ยังคงปกติ แต่ยังไม่ถ่ายตั้งแต่กลับมาถึงบ้าน 4 วันแล้ว ทานข้าวได้ปกติ ฉี่ปกติ การตอบสนองดี เริ่มยิ้มได้ชัดขึ้น ทานข้าวเองได้ด้วยมือซ้าย มือขวายังออนแรง การเดินยังต้องประคองตัว

ภาพวันที่ 22 ก.พ. 64 น้องทานข้าวเองทานได้ดี ยิ้มได้ดีขึ้น

วันที่ 23กุมภาพันธ์ 2564 (23, Feb, 2021)

วันนี้น้องตื่นมาตอนเช้าทานข้าวเสร็จก็นอนพักปกติ แต่จะนอนเยอะขึ้นหน่อย ฉี่ปกติ แต่วันนี้ยังไม่ถ่าย การพูดยังทรงๆ การเดินยังต้องคอยพยุงตัว ทานข้าวได้ดี ได้เยอะ บ่นอยากกินหลายอย่าง เช่น ส้มตำ ลาบ ฮังเล ขนม

วันที่ 24กุมภาพันธ์ 2564 (24, Feb, 2021)

วันนี้น้องตื่นเช้ามาถ่ายปกติดี ทานข้าวได้ดี นอนหลับเยอะ มีกำลังใจดี ณิชาลูกสาวอยู่ด้วยทั้งวัน หลักๆวันนี้ก็ทำกายภาพเหมือนทุกๆวัน เดินเล่นบนบ้าน บรเวณรอบบ้าน และพาออกไปดูน้ำริมลำห้วยคลิตี้บ้านเนื่องจากบ้านอยู่ติดลำห้วยอยู่แล้ว การพูดก็ชัดขึ้นนิดหน่อย

ภาพถ่ายวันที่ 24 ก.พ. 64 น้องลองดูสดใสขึ้นและลูกสาวตัวน้อยก็อยู่เล่นด้วยกับพ่อทั้งวัน

วันที่ 25กุมภาพันธ์ 2564 (25, Feb, 2021)

วันนี้น้องเริ่มเดินเยอะขึ้น อารมณ์สดใส ขยันทำกายภาพอยู่ตลอด ลูกสาวมาอยู่ด้วยตลอด ชาวบ้านยังมาเยี่ยมอยู่เรื่อยๆทุกเย็น น้องนอนพักช่วงกลางวันเยอะขึ้น และนอนหลับตั้งแต่ช่วงเย็น ตื่นมาดึกๆห้าทุ่ม ก็เลยนอนต่อไม่ค่อยหลับเพราะพ่อนอนกรน แต่ก็ค่อยๆพยายามหลับต่อไป ทานข้าวได้ดี

ภาพวันที่ 25 ก.พ. 64 น้องลงมาดูสวนผักที่ปลูกไว้และเดินเล่นรอบๆบริเวณบ้าน

วันที่ 26–28 กุมภาพันธ์ 2564 (26–28, Feb, 2021)

วันนี้อาการโดยรวมค่อยๆดีขึ้นเช่นเคย น้องได้ทำกายภาพบำบัดเรื่อยๆ มีกำลังใจจากชาวบ้านที่แวะเวียนมาเยี่ยมอยู่ตลอด ทานข้าวได้ปกติ ถ่ายปกติ

ภาพวันที่ 27 ก.พ. 64 น้องมีรอยยิ้มและได้เครื่องออกกำลังกายเพิ่มสองชิ้นเพื่อทำกายภาพบำบัด

วันที่ 1มีนาคม 2564 (1, Mar, 2021)

วันนี้น้องก็ยังคงขยันทำกายภาพบำบัด ทานข้าวได้ดี นอนกลางวันเยอะขึ้น เพราะกลางคืนนอนไม่ค่อยเต็มอิ่ม โดยรวมถือว่าดีขึ้นตามลำดับ

ภาพวันที่ 1 มี.ค. 64 น้องลองกำลังเดินทำกายภาพบำบัดโดยมีลูกสาวณิชามาวิ่งเล่นด้วยอยู่ตลอด

วันที่ 2–8มีนาคม 2564 (2–8, Mar, 2021)

ช่วงนี้น้อง ยังคงขยันทำกายภาพบำบัดเรื่อยๆ ทานข้าวได้ดี โดยรวมถือว่าดีขึ้นตามลำดับ พูดจาได้คล่องขึ้นตามลำดับ แต่ยังต้องดูแลใกล้ชิดจากญาตๆ

วันที่ 9 มีนาคม 2564 (9, Mar, 2021)

วันนี้พี่ชายพาน้องลองกลับบ้านไปเตรียมพาลองไปหาหมอพรุ่งนี้ วันนี้น้องยิ้มแย้มแจ่มใส่ อารมณ์ดี รู้สึกตื่นเต้นปนกังวลที่ต้องไปพบหมอเพื่อติดตามอาการ แต่น้องก็พยายามทำกายภาพอยู่ น้องทานข้าวได้เยอะ อยากกินเผ็ดแต่ก็อดไว้ก่อนจนกว่าจะพบหมอเสร็จ

วันที่ 10 มีนาคม 2564 (10, Mar, 2021)

วันนี้ช่วงเช้าพี่ชายพาน้องลองออกกำลังกายทำกายภาพบำบัด และช่วงสายๆพี่ชายพร้อมด้วยด้วยภรรยาลองและน้าๆพาลองออกไปข้างค้างคืนนอนใกล้รพ. กรุงเทพสนามจันทร์ นครปฐม เพื่อเตรียมพบหมอแต่เช้าพรุ่งนี้

ลองเดินออกกำลังกายและทำกายภาพบำบัดโดยมีพ่อยืนดูอยู่ไม่ห่าง

วันที่ 11 มีนาคม 2564 (11, Mar, 2021)

วันนี้ช่วงเช้าก่อนจะไปพบหมอได้พาลองไปไหว้พระขอพร ถวายสังฆทาน ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ลองได้ออกจากบ้านมาทำบุญ จากนั้นจึงพาไปพบคุณหมอ

ซึ่งหมอท่านแรกคือหมอสมอง โดยรวมเรื่องไสมองถือว่าปกติดี ฟื้นตัวเร็ว ไม่มีอะไรน่าห่วงมากแล้ว กินอะไรได้ทุกอย่าง ส่วนเรื่องการใส่กะโหลกเทียม ต้องใส่ภายในไม่เกิน 3–6 เดือนหลังผ่าตัด เบื้องต้นหมอนักผ่าตัดใส่กะโหลกเที่ยมต้องผ่าใส่กะโหลกเทียมทั้งสองข้างแต่หมอแนะนำให้ผ่าตัดใส่ทีละข้างก่อนหากมีอะไรผิดปกติจะได้รู้ว่าเกิดจากข้างใด หมอจึงนัดผ่าตัดใส่ข้างขวาก่อน ในวันที่ 3 พ.ค. 2564 โดยเป็นวัสดุ ไทเทเนียม ส่วนค่าใช้จ่ายเฉพาะ การผ่าตัดต่อครั้ง ข้างเดียว จะอยู่ที่ประมาณ 170,000–190,000 บาท นอกจากนั้นก็เป็นค่าฟักฟื้น ค่าห้องไอซีอยู่และห้องพิเศษ อีกไม่เกินหนึ่งอาทิตย์ ค่าใช้จ่ายโดยประมาณทั้งสิ้น 250,000 บาทต่อครั้ง รวมสองครั้งก็ตกราวประมาณ 500,000 บาท

หมอปอด การหายใจปกติดี ปอดโอเค ไม่มีค่าไต ทุกอย่างปกติหมดแล้ว

หมอกายภาพ ได้ฝึกให้น้องทำท่ากายภาพบำบัด เพื่อนำกลับไปทำเองที่บ้านทุกๆวันเพื่อให้ร่างกายกลับมาฟื้นตัวเร็วขึ้น

ภาพลองทำบุญในช่วงเช้าและเข้าไปพบคุณหมอฝึกทำกายภาพบำบัด

วันที่ 11 มีนาคม 2564 (11, Mar, 2021)

ลองรู้สึกโล่งใจหลังจากหาหมอเสร็จกลับมาบ้านกินอะไรได้ทุกอย่าง ช่วงเช้าพี่ชายก็พาออกกำลังกายทำกายภาพบำบัดตามที่คุณหมอสอนเพิ่มเติม น้องอัดวีดีโอขอบคุณคนที่บริจาคเงินช่วงเหลือ ส่งกำลังใจมาให้โดยตลอด จากนั้นช่วงเที่ยงๆพี่ชายก็กลับออกมาจากหมู่บ้าน

น้องลองมาที่จุดนี้เพื่อฝึกทำกายภาพบำบัดทุกๆเช้า

วันที่ 12–19 มีนาคม 2564 (12–19, Mar, 2021)

ช่วงนี้น้องลองก็ฝึกกายภาพเรื่อยๆทุกวันและพยายามหาเงินเพื่อไปผ่าตัดใส่กะโหลกเทียม ซึ่งตอนนี้พี่ชายลองเองก็กำลังหาวิธีที่เป็นไปได้มากที่สุดที่จะหาตังหรือประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนของการผ่าตัด ซึ่งเวลาแค่เดือนกว่า ส่วนกำลังใจจากทุกคนนั้นยังคงส่งมาเรื่อยๆ

วันที่ 20–30 มีนาคม 2564 (20–30, Mar, 2021)

หลังจากที่พบคุณหมอเสร็จลองก็กลับมาพักฟื้นฟื้นต่อที่บ้าน เพื่อรอกลับไปใส่กะโหลกเทียมในวันที่ 13 พ.ค. 2564 ที่รพ.สนามจันทร์ แต่เมื่อทางครอบครัวได้กลับมาคำนวนค่าใช้จ่ายที่ต้องหามาอีกเป็นจำนวนมาก พี่ชายคนโตจึงได้หาข้อมูลการผ่าตัดใส่กะโหลกเทียม จึงพบว่าที่รพ.ราชวิถี มีโครงการพิเศษผ่าตัดใส่กะโหลกเทียมแบบสามมิติซึ่งเป็นโครงการรอบสุดท้ายพอดี จึงได้ติดต่อไปทันที หลังจากพูดคุยเสร็จก็ได้ตกลงกันย้ายรพ.ทันทีจากรพ.เอกชนเปลี่ยนรพ.รัฐ ซึ่งมีความพร้อมทั้งเครื่องมือเทคโนโลยีและแพทย์ จึงได้โทรไปจองคิวเพื่อเข้าพบหมอ และดำเนินการทำเรื่องย้ายเอกสารประวัติการรักษาทั้งหมดจากรพ.เอกชนไปที่รพ.รัฐทันที และวันที่หมอนักพบคือ วันที่ 7 เมษายน 2564

หลังจากดำเนินการทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้วทางครอบครัวจึงขอปิดการบริจาคอย่างเป็นทางการนับแต่ทำเรื่องย้าย โรงพยาบาล ปิดรับการบริจาคอย่างเป็นทางการนับแต่นี้เป็นต้นไป ทางครอบครัวของนายจำลอง นาสวนสถิต ขอขอบพระคุณอย่างยิ่งจากใจของครอบครัวทุกคนจริงๆ ขอบุญบารมีผลของการให้ในครั้งนี้ได้ส่งกลับไปยังทุกท่านด้วยเทอญ ซึ่งเงินที่ได้รับจากการบริจาคทุกบาทก็ได้นำไปใช้รักษาน้องลองและครอบครัวของลองในการรักษาลองให้หายจนกลับมาเป็นคนเดิมในปัจจุบันนี้

วันที่ 4–9 เมษายน 2564 (5–9, Apil, 2021)

พี่ชายลองเดินทางกลับมาจากเชียงใหม่เพื่อพาลองไปพบหมอตามนัด แต่เมื่อออกจากหมู่บ้านไปถึงรพ.ราชวิถีแล้ว เจ้าหน้าที่กลับแจ้งว่าขอเลื่อนการพบหมอไปก่อนเนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ในรพ.พยาบาลติดเชื้อโควิด พบหมอได้เฉพาะคนที่มีใบนัดเท่านั้น การเดินทางออกมาจากชุมชนครั้งนี้จึงไม่ได้พบหมอ ทำให้เสียค่าเช่ารถจากเชียงใหม่-กาญจนบุรี ค่าเดินทางไปพบหมอต่างๆไปเป็นหมื่นและเวลาลางานอีกเกือบอาทิตย์ไปแบบฟรีๆ แต่อย่างน้อยก็ได้ใบนัดมาแทน หมอนัดพบอีกทีคือวันที่ 28 เมษายน 2564 จึงได้เดินทางกลับและทำกายภาพบำบัดต่อ

ระหว่างรอพบหมอน้องก็ค่อยๆมีพัฒนาการดีขึ้นเริ่มทำงานจากเบาๆไปเรื่อยๆและออกกำลังกายเรื่อยๆ

ระหว่างรอพบเจ้าหน้าที่เพื่อรับใบนัด

วันที่ 25-29 เมษายน 2564 (7, Apil, 2021)

พี่ชายเดินทางกลับมาจากเชียงใหม่ด้วยวิธีการเดิมอีกครั้ง เพื่อพาน้องลองไปพบหมอ เมื่อพบหมอแล้วหมอก็ได้ทำการตรวจและดูเอกสารประวัติการรักษา จากนั้นก็นัดรอบหน้า เพื่อมาเอกซ์เรย์สมองเพื่อออกแบบโครงสร้างกะโหลกเทียมแบบสามมิติ ในวันที่ 13 พฤษภาคมอีกรอบ และเดินทางกลับชุมชน

วันที่ 12–14 พฤษภาคม 2564 (12–14, May, 2021)

วันนี้พี่เขยกับพี่ชายคนรองได้พาน้องลองมาเอกซ์เรย์ตามที่หมอนัดไว้ ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี เพียงแต่อาจจะมีหลงทางนิดหน่อยเนื่องจากพี่เขยของลองไม่เคยขับรถมารพ.ราชวิถีมาก่อน แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ผ่านไปได้แต่โดยดี และเจ้าหน้าที่บอกว่า หมอจะนัดผ่าตัดอีกทีหลังจากสร้างกะโหลกเทียมเสร็จซึ่งจะใช้เวลาอีกประมาณเดือนถึงสองเดือน โดยจะโทรมาแจ้งวันนัดผ่าตัดใส่กะโหลกเทียมอีกที

วันที่ 2–18 กรกฎาคม 2564 (2–18, May, 2021)

ในที่สุดวันที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง เจ้าหน้าที่โทรมาหาน้องลองเพื่อนักผ่าตัดใส่กะโหลกเทียมในวันจันทร์ที่ 5 ก.ค.น้องต้องเข้ามานอนที่รพ.เพื่อผ่าตัดในวันที่ 6 ก.ค. พี่ชายของลองจึงได้กลับมาจากเชียงใหม่ด้วยวิธีเดิมอีกครั้งเพื่อพาน้องไปหาหมอ

ภาพน้องลองก่อนผ่าตัด วันที่ 4 ก.ค. 2564

หลังจากส่งน้องไปที่รพ.พยาบาลแล้ว พี่ชายของลองทั้งสองคนที่มาส่งลองก็ต้องรอนอกรพ.จนกว่าจะผ่าตัดและพักฟื้นร่างกายเสร็จ ทำให้ไม่สามารถเข้าไปเฝ้าได้เลย จึงต้องหาที่พักนอกรพ.กันเอง และรอจนกว่าน้องจะกลับบ้านได้ วันที่ 6 ก.ค. น้องโทรมาแต่เช้าก่อนจะเข้าห้องผ่าตัด และอวยพรให้น้องผ่านไปได้ดี ไม่ต้องกังวล ช่วงบ่ายจึงโทรไปเช็คกับทางรพ. ปรากฎว่าการผ่าตัดทุกอย่างผ่านไปได้ดีน้องฟื้นตัวปกติ และวันต่อมาวันที่ 7 ก.ค. น้องก็โทรมาบอกว่าทุกอย่างโอเค และต้องรอพักฟื้นร่างกายหลังการผ่าตัดประมาณ 3–5 วัน และในวันนี้ก็เป็นวันดีที่แฟนของลองได้ให้กำหนดลูกสาวของลองอีกคน

ลองหลังจากผ่าตัดเสร็จกับลูกสาวที่คลอดในวันเดียวกันนั้น วันที่ 7 ก.ค. 2564

พี่ชายทั้งสองจึงรอจนครบ5วันแล้วก็ยังไม่ได้ออก หมอมาว่าจะให้น้องอยู่ต่ออีก 3 วันเพื่อตัดไหมทีเดียวเลยจะได้ไม่ต้องออกมาอีก เพราะไหมผ่าตัดนี้เป็นไหมพิเศษ โรงพยาบาลทั่วไปอาจจะไม่มีอุปกรณ์ เนื่องจากเช่ารถเพื่อนมาและถึงเวลาต้องไปคืนแล้วจึงต้องตัดสินใจกลับมาก่อนแล้ววันที่น้องตัดไหมเสร็จออกจากรพ.ได้แล้วค่อยให้น้าไปรับต่อไป

รอยเย็บแผลหลังจากการผ่าตัดใส่กะโหลกเทียมทั้งสองข้างเสร็จวันที่ 12 ก.ค. 2564

เหตุผลที่ต้องเข้าโรงพยาบาลเอกชน: Why must be private hospital

หลังจากผ่าตัดรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลรัฐในจังหวัดได้ 2 วัน จากการสังเกตอาการของน้องทั้งวันทั้งคืน สลับกับน้องชายอีกคนและน้องสาวซึ่งพวกเราทั้งสาม ไม่ได้หลับไม่ได้นอนกันทั้งวันทั้งคืน เพราะน้องลองดิ้นตลอดเวลา ซึ่งรู้สึกทรมาณแทนน้องมาก แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ ได้แต่เฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิด จับมือน้องไว้ตลอดเวลา แต่ก็ไม่มีท่าทีว่าอาการจะดีขึ้น ไข้สูงตลอด สมองบวม ฉี่มากกว่าปกติ และอาการโคม่าที่ต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ต้องอยู่รวมกับคนไข้คนอื่นๆอีกเป็นสิบๆเตียง ทำให้ผมกังวลเรื่องการติดเชื้อ บวกกับอาการสมองบวมที่ไม่ดีขึ้น เลือดในสมองที่ไม่หยุดไหล ฉี่ที่ยังคงออกมากว่าปกติและผ่านไปหลายวันก็ไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นขึ้น

จึงตัดสินใจจะขอทำเรื่องย้าย เพราะรู้สึกไม่ดีและรับไม่ไหวมากๆกับสภาพแวดล้อมปัจจุบัน แต่ก็เข้าใจระบบการดูแลรักษาด้วยสิทธิบัตรทอง 30 บาทรักษาทุกโรค ที่ไม่น่าจะแปลกอะไรมากกว่านี้ ได้โทรหาโรงพยาบาลในภูมิภาคตะวันตกเกือบทุกที่ และในที่สุดก็เหลือแค่ที่เดียวที่พร้อมที่สุด คือโรงพยาบาลกรุงเทพ จ.นครปฐม ซึ่งก็ได้คุยรายละเอียดกับเจ้าหน้าที่ที่โรงพยาบาล ประเมินราคาค่าใช้จ่ายทั้งหมด หลังจากปรึกษากับคนในครอบครัวแล้วทุกคนเห็นตรงกันว่ายังไงก็มีความจำเป็นต้องย้ายให้ผ่านช่วงแรกนี้ไปก่อน ถ้าดีขึ้นหรืออกจากห้องไอซียูแล้วค่อยกลับมารักษาตัวอยู่ รพ.รัฐทีหลัง เพราะยังไงชีวิตคนก็สำคัญที่สุดเสมอ เรื่องเงินก็จะหาให้เต็มความสามารถที่จะทำได้

การเงินกับการรักษาชีวิตของลอง: Money & Life

ซึ่งอาการของน้องคือต้องอยู่ในห้องไอซียู และค่าใช้จ่ายในห้องไอซียูที่ทางโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่การเงินหรือผู้ตรวจการประเมินให้คร่าวๆก่อนจะย้ายมา คือจะอยู่ราวๆ 55,000–65,000 บาทต่อคืน และอาจจะต้องอยู่ถึงหนึ่งเดือน ดังนั้นก็จะมีค่าใช้จ่ายอยู่ประมาณ 1,800,000 บาท (หนึ่งล้านแปดแสนบาท) ครอบครัวรับทราบแล้วว่าค่าใช้จ่ายลองอาจจะสูงเป็นหลักล้านแต่ก็ตกลงพร้อมกันว่ายังไงก็ย้าย แม้ว่าลองจะทำประกันคุ้มครองอุบัติเหตุก็จริง แต่ก็คุ้มครองสูงสุดแค่กรณีละ 30,000 บาท เท่านั้น ส่วนต่างที่เหลือต้องชำระเอง ซึ่งครอบครัวของพวกเราไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะหาค่าใช้จ่ายเยอะมากมายขนาดนั้น เพราะเราเป็นเพียง ครอบครัวกะเหรี่ยง ทำไร่ ทำสวน มีรายได้เป็นรายปี ปีละครั้งเท่านั้น ทำแค่เพียงการทำไร่ข้าวเพื่อเลี้ยงชีพปลูกพืช เช่นข้าวโพด ฟักทองที่เป็นรายได้หลัก ปีหนึ่งก็แค่สองถึงสามแสน เราจึงตัดสินใจเริ่มทำแคมเปญเปิดระดมทุน เพื่อช่วยให้ลองฟื้นขึ้น

ส่วนแผนการรักษากับการประเมินเรื่องค่าใช้จ่ายของครอบครัวที่มีอยู่นั้นเราได้คุยกันและประเมินกันวันต่อวันและได้ข้อสรุปเบื้องต้นประมาณนี้

แผน A รักษาที่รพ.เอกชนจนกว่าลองจะตื่นขึ้น หายใจได้ด้วยตนเองทั้งหมดและออกจากห้องไอซียูได้แล้ว ก็จะทำเรื่องย้ายกลับไปพักรักษาตัวเพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวที่รพ.รัฐทันที ตามสิทธิที่ลองมีอยู่

แผน B หากรักษาตัวอยู่ที่ รพ.เอกชนกินระยะเวลาเกินกว่า 10 วันหรือเกินกว่าสองอาทิตย์ยังไม่ตื่นขึ้นมา ยังหายใจเองไม่ได้ ยังไม่ออกจากห้องไอซียู ก็ต้องวางแผนพิจารณาประเมินกับครอบครัวอีกครั้งว่าอาจจะมีความจำเป็นต้องย้ายออก ด้วยภาวะทางการเงินที่อาจจะสู้ไม่ไหวจริงๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องคุยและปรึกษาประเมินร่วมกับคุณหมอด้วยก่อนทั้งสิ้นถึงเรื่องการย้าย แต่เบื้องต้นทางเราได้เตรียมแผนการย้ายกลับไป รพ.รัฐไว้ในเบื้องต้นแล้ว

กำลังใจจากเพื่อนที่ส่งถึงลอง: Supported to Long

โมเม ไอนารา อรุณศรีสุวรรณ 20/01/2021

พี่โมเมเป็นพี่ที่น่ารักที่สุดของน้องลองเสมอตลอดเวลาที่ทำงานเยาวชนด้วยกัน ลองกับพี่โอเมได้มีโอกาสทำงานร่วมกันเที่ยวด้วยกันเดินทางด้วยและสร้างวงสนทนาร่วมกันอยู่เสมอไป วันนี้พี่โมเมนำสารมาถึงน้องลอง เพื่อให้ลองสู้และเข้มแข็งต่อไป

“ลองเป็นเพื่อนและน้องที่ดีในการทำงานเป็นกลุ่มและเป็นทีม ยอมรับฟังความเห็นของคนอื่น และประนีประนอมเพื่อนร่วมงาน เมื่อเพื่อนนั้นเกิดความขัดแย้งในกลุ่มน้องจะเป็นผู้ประสานงานหรือแสดงความรักความมีน้ำใจให้เพื่อนๆหรือพี่ๆนั้นกลับมาทำงานร่วมกัน ทำให้สังคมกลุ่มคนเพื่อนเกิดความสร้างสรรค์และความรักความสามัคคีในกลุ่ม จึงทำให้เขาเป็นที่รักของทุกคน แม้บางครั้งคนคนนั้นจะไม่ได้ทำงานร่วมกับเขาแต่น้องเป็นคนมีมนุษย์สัมพันธ์ดี ทั้งการพูดจา การวางตัว การมีกาลเทศะ มีสัมมาคาราวะต่อผู้พบเห็น การยิ้มที่จริงใจและสดใสร่าเริงมาจากหัวใจ จึงไม่ยากที่ทุกคนเมื่อพบเห็นจะรักและอยากทำงานร่วมกับน้องน้องทุกคน

เพื่อนร่วมงานอยากเห็นรอยยิ้มเสียงหัวเราะ กลับมานะ กลับมาหาพวกเรา กลับมาอยู่ในอ้อมกอดของพี่น้องที่รักกัน ที่ร่วมทุกข์ ร่วมสุขมาด้วยกัน กลับมาแบ่งปันสิ่งที่ดีและเสียงหัวเราะ มิตรภาพที่มีคุณค่าที่สุดในชีวิตของเรา”

ลองกับพี่โมเม

ลิ้นจี่ ธารวารินทร์ ทองผาภูมิประภาส 21/01/2021

ลิ้นจี่คือเพื่อนที่โตมาด้วยกันกับไอลองตั้งแต่เด็กและสนิทกันมากในช่วงสองสามปีที่ทำงานเยาวชนด้วยกันลิ้นจี่กับลองจะคอยเป็นคนหลักที่ดึงเพื่อนมาช่วยงานเสมอคอยทำหน้าที่งานเยาวชนให้มีชีวิตชีวาขึ้นมาเสมอ ลิ้นจี่จึงส่งกำลังใจอันแรงกล้ามาให้ลองด้วย

“จำลอง หรือ ลอง ที่เราเรียกกันสั้นๆเป็นคนที่เรารู้สึกกันมาตั้งแต่เด็กๆ เราเคยเรียนประถมด้วยกันในช่วงระยะเวลาหนึ่ง พอโตจนเข้ามัธยมก็แยกย้ายกันไป จนได้กลับมารู้จัก เราจำลองในวัยเด็กได้ไม่มากนัก แต่ลองในวัยรุ่นและลองที่ได้เป็นพ่อคนเราว่าเรารู้จักดี เราคุ้นเคยกับลองในช่วงที่ได้ร่วมกันทำกิจกรรมกลุ่มเยาวชน คลิตี้ล่าง ดีจัง ในชุมชน เรียกได้ว่าสนิทกันขั้นหนึ่งก็ว่าได้

ลองมันคนสนุกสนานเฮฮา บางครั้งเรามักจะได้เมารั่วกัน จนแม่มันต้องมาบอกให้เรากลับบ้านได้แล้ว ลองมักจะเป็นผู้ริเริ่มในทำอะไรสักอย่างเสมอ ลองเป็นคนที่ชอบรถมาก ครั้งหนึ่งมันเคยชวนพวกเราขับรถไปทุ่งใหญ่ ซึ้งตอนนั้นรถมอไซที่ไปครั้งนั้นมีเกือน 15 คัน ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ก่อนไปมันเช็ครถที่มีปัญหาให้เราทุกคน ทุกคัน คนที่อยากไป แต่ไม่มีรถ มันก็พยายามหาให้ เพื่อที่เพื่อนๆมันจะได้ไปกันครบหมด เวลามันทำอะไรก็จะคิดถึงคนอื่นเสมอ เวลายางรั่วกลางทางมันก็ปะให้ มันบอกว่า มาด้วยกันไปด้วยกัน เวลาเราที่เป็นผู้หญิงขับมันก็จะรอ ว่าทำไม่เรามาช้าหรือรถเป็นอะไรหรือเปล่า มันจะเช็คพวกเราตลอด กับเพื่อนๆแล้วมันเต็มที่กับพวกเราเสมอ

หลายๆช่วงเวลาของเราจะมีมันในความทรงจำตลอด ถึงตอนนี้ที่มันได้เป็นพ่อคนแล้ว มันก็ยังเป็นมันคนเดิม แต่เราที่มองมันไกลๆ ก็รู้ว่ามันโตเป็นผู้ใหญ่แล้วจริงๆ เวลาจัดกิจกรรมเยาวชนต่างๆมันก็ยังแวะเวียนมาถามไถ่ว่า ให้ช่วยอะไรไหม ต้องทำอะไรหรือเปล่า รถไถมีคนขับไหม มันก็ยังนึกถึงพวกเราเสมอจำตอนที่มันจะได้ลูกสาวได้ว่ามันตื่นเต้นแค่ไหน เราแซวมันว่าต้องไว้หนวดแล้วเพราะจะมีเด็กๆผู้ชายมารุมจีบลูกมัน มันก็ทำท่าจริงจังว่าไม่ให้ใครจีบหรอกพร้อมกับหัวเราะกันยกใหญ่

ถึงตอนนี้ที่มันยังไม่รู้สึกตัว ไม่รู้ว่าครอบครัวของมันจะเป็นห่วงมันแค่ไหน แต่กูอยากบอกมึงว่า สู้หน่อยนะมึง สู้เหมือนชีวิตที่ผ่านมาของมึงอะ ถ้าแค่กำลังของมึงไม่ไหว กำลังใจที่พวกกูทุกๆคนส่งไปมึงเอามาใช้ได้ เอามาใช้แล้วกลับมาหาครอบครัวมึง และพวกกู วันนี้กูไปหาพี่ทิพย์มา นิชา เรียกหามึงแล้วว่ะ รีบกลับบ้านได้แล้วไอลอง”

ลิ้นจี่กับกลุ่มเพื่อนๆเยาวชนคลิตี้ล่างดีจัง เมื่อครั้งหนึ่งเคยออกไปเที่ยวหาเพื่อนต่างชุมชนด้วยกัน

พี่มิ้ง พัชรี นาสวนกนก 23/01/2021

พี่มิ้งอาจจะไม่ค่อยได้เจอลองบอยมากนักแต่ทุกครั้งที่เจอกัน ก็พร้อมที่จะสนุกสนานเฮฮาไปด้วยกันเสมอ เพราะลองเป็นเพื่อนสนิทมากๆกับไผ่ซึ่งเป็นน้องชายของพี่มิ้ง วันนี้พี่มิ้งร่วมส่งกำลังใจอันแรงกล้ามาให้ลองด้วย

ลองตื่นได้ละนะ คิดถึงรอยยิ้ม คิดถึงเสียงหัวเราะ คิดถึงทุกกริยาบทของลอง ไม่ชอบเลยที่ลองนอนนานแบบนี้ พี่อยากเห็นลองตื่นมาสร้างรอยยิ้มให้กับคนอื่น ลองเป็นคนอยู่ด้วยแล้วสบายใจ ลองเป็นคนรักเพื่อนฝูง จำได้ว่าลองเคยพูดว่า ไม่ชอบทำให้คนอื่นเสียใจ โดยเฉพาะคนที่เป็นเพื่อน เพราะแบบนี้ ลองเลยมีเพื่อนมากมาย และที่สำคัญรักลองทุกคน ลองเป็นคนรักครอบครัวและทุ่มเทให้ครอบครัวมาก นี่คือภาพที่พี่เห็นและสัมผัสได้ ชื่นชมจิงๆนะ ตอนนี้ลองตื่นได้แล้วนะพี่ๆเพื่อนๆ ครอบครัวรอลองอยุ่นะ

พี่มิ้งที่มักจะมีโอกาสได้เจอกับลองในงานเยาวชนคลิตี้ล่างเสมอ

บทบาทของพี่ชายทางสังคมกับหน้าที่ต่อครอบครัว: The role of eldest brother in society and duties in the family

ผมในฐานะพี่ชายคนโตของลอง เราเติบโตด้วยกันมาในช่วงวันเด็ก ตอนโตมาเป็นหนุ่มจนเขามีครอบครัวเราไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกันอย่างใกล้ชิดเท่าไหร่ แต่ก็เจอกันและติดต่อกันโดยตลอด เพราะผมมาโตที่กรุงเทพฯ สวนน้องอยู่ที่หมู่บ้าน แม้บางช่วงจะมาอยู่กับผมบ้างแต่ก็ไม่ได้นานมาก ผมจบมหาลัยก็ไปทำงานหลักๆอยู่ที่เชียงใหม่ การเจอกันส่วนใหญ่ของผมกับน้องก็คือตอนที่ผมได้กลับบ้านคลิตี้ การกลับบ้านคือการกลับไปทำงานช่วยเหลือชุมชนซึ่ง ถ้าหลายๆคนรู้จักชุมชนคลิตี้ที่ยังคงมีเรื่องราวการต่อสู้ของชุมชนเรื่องการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้จนปัจจุบันก็ยังไม่จบ ซึ่งผมเข้ามามีบทบาทในช่วง 6 ปีมานี้และการได้กลับไปทำงานในพื้นที่ชุมชนของตัวเองก็เป็นอีกช่องทางที่ทำให้ผมได้ เจอกับครอบครัวแม้แต่ละครั้งจะไม่ได้อยู่นาน ประชุมเสร็จ งานเสร็จก็กลับเข้าเมือง เป็นแบบนี้มาโดยตลอด ซึ่งนั้นก็เป็นเรื่องที่ดีสำหรับผม เพราะก่อนหน้านั้นที่ผมจะเข้าสู่วงการนี้ แต่ละปีผมแทบจะไม่ได้กลับบ้านเลย อยู่แต่ที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่เข้ามามีบทบาทช่วยเหลืองานชุมชนทำให้ผมได้กลับบ้านบ่อยขึ้นเกือบจะทุกๆสองสามเดือนครั้งเลย แม้จบมหาลัยไปแล้วผมก็ยังคงทำงานกับชุมชนที่กว้างขึ้น ที่ไกลขึ้น และมีปัญหาเหมือนกับคลิตี้

พี่น้องของลอง

7 ปีที่แล้ว น่าจะอยู่ปี 2 ผมเริ่มรู้จักคำว่า งาน NGO หรือที่เรียกกันว่า งานทางสังคมที่ไม่แสวงหากำไรเป็นครั้งแรกก็ช่วงนั้น ตอนนั้นถึงขั้นค้นหาในกูเกิลว่า NGO คืออะไร ส่วนใหญ่ค่อนข้างเจอแต่มุมมองในทางลบมากกว่าบวก แต่ก็ทำมาเรื่อยๆ เพื่อพิสูจน์ให้คนเหล่านั้นเห็นว่า หากไม่มีวงการนี้ประเทศไทยจะเหลื่อมล้ำไปมากกว่านี้ขนาดไหน ชุมชนจะเดือดร้อนไปมากกว่านี้แค่ไหน และทรัพยากรจะถูกนายขุดกินอย่างเมามัน ไม่มีวันสิ้นสุด ได้ขนาดไหน กฎหมายที่เขียนไว้สวยหรูแต่กลับบังคับใช้ได้แค่กับคนจน ตลอดช่วงเวลา 7 ปี ที่ผมเข้ามามีบทบาทกับชุมชนและสังคม ผมทำมันด้วยความสุขทำด้วยใจรักเพราะมันเป็นเหมือนพื้นที่ของผม ที่ทำให้ผมทำแล้วมีความสุขที่ได้ช่วยเหลือหมู่บ้านของตัวเองได้ช่วยเหลือชุมชนที่ได้รับผลกระทบแม้บทบาทผมจะไม่ได้ช่วยอะไรมากแต่ระยะเวลากว่า 6 ปีที่ผมเข้ามาอยู่ตรงจุดนี้มันทำให้ผมอยู่กับมันจนบางทีลืมไปว่า เรายังมีครอบครัวที่ต้องคอยดูแลด้วย เพราะที่ผ่านมาผมทุ่มเทไปกับงานชุมชนงานสังคมที่ผมรักมากๆ แต่ผมกลับไม่ได้รู้สึกว่าในฐานะพี่ชายคนโตผมได้ช่วยเหลืออะไรครอบครัวบ้างเลย

ในขณะที่ทุกครั้งการทำงานของผมพ่อแม่ผมจะมีความเป็นห่วงกังวลบ้าง แต่น้องชายผมคนนี้ให้กำลังใจและสนับสนุนผมมาโดยตลอด และทุกครั้งที่ผมและทีมงาน องค์กร และคนที่คอยสนับสนุนชุมชนคลิตี้มาพักที่บ้านน้องชายคนนี้คือคนที่คอยต้อนรับเสมอตั้งแต่เขายังไม่มีครอบครัว จัดการเรื่องที่นอนการกินให้มาโดยตลอด ช่วยเหลืองานเยาวชน ที่ผมดึงเข้ามาโดยตลอด ไม่ว่าจะงานเล็กงานใหญ่ทุกครั้งที่ขอความช่วยเหลือ ขอแรงกาย เขาคือหนึ่งในคนที่จะมาช่วยงานเยาวชนตลอดหลายปี จนกระทั้งเขามีครอบครัวเป็นของตัวเอง ก็ยังมาช่วยในบางครั้ง

วันที่รู้ว่าน้องเกิดอุบัติเหตุคือ เช้าวันที่ 14 แฟนน้องโทรมาบอก ผมตัดสินใจกลับมาหาน้องวันเดียวกันนั้นเลย แม้ผมยังอยู่ในช่วงกักตัว ซึ่งได้ 12 วันแล้ว ก็จะกลับไปทำงานได้ตามปกติแล้ว ก็มีความจำเป็นต้องคุยกับทางสำนักงานเรื่องการเดินทางกลับไปดูแลน้อง สำนักงานไม่ได้ห่วงเรื่องการลาหรือดูแลน้องเท่าไหร่แต่เป็นห่วงเรื่องมาตรการป้องกันตัวจากโควิด-19 จึงได้เช็คเรื่องการเดินทางข้ามจังหวัด เพราะอยู่ในช่วงโควิดระบาดรอบสอง โดยการได้โทรไปสอบถามโดยตรงกับกระทรวงสาธารณะสุข ก็ได้รับปากจะทำตามเงื่อนไขและคำแนะนำของกระทรวงไป และสุดท้ายก็หารถเช่า และต้องโชว์เอกสารต่างๆมากมายเพื่อยืนยันตัวตนตามมาตรการรับมือกับ โควิด-19 จึงจะอนุญาติให้เราเช่ารถได้ ต้องรื้อเอกสารในห้องกระจัดกระจายเต็มพื้นไปหมด กว่าจะเช่ารถได้(ซึ่งในสถานการณ์ปกติไม่ต้องโชว์เอกสารมากมาย แค่จ่ายค่ามัดจำกับใบขับขี่ก็เช่ารถได้แล้ว) เรื่องเช่ารถผ่านไป กว่าจะจัดการทุกอย่างให้เสร็จภายในวันเดียวก็เย็นพอดี แต่ก็ถือว่าเร็วมาก และรีบขับรถออกมาจากเชียงใหม่ทันที ไปถึงโรงพยาบาลที่น้องอยู่ก็ประมาณ ตี 2 เข้าไปแล้ว ใช้เวลาขับรถทั้งคืนโดยที่ไม่หยุดเลยประมาณ 10 ชม.กว่าจะถึง

ดังนั้นมาถึงวันนี้วันที่คนในครอบครัวผมต้องการความช่วยเหลืออย่างถึงที่สุดจริงๆผมจึงขออนุญาตใช้พื้นที่ตรงนี้ในการชี้แจ้งต่อสังคมว่าจะขออุทิศทุกแรงกายแรงใจที่ผมมีให้น้องชายผมหายกลับมาเป็นปกติให้เร็วที่สุด และ ณ ตอนนี้ขอให้น้องชายผมฟื้นขึ้น ถึงแม้จะได้รับการชี้แจงประเมินค่าใช้จ่ายแล้วผมกลับรู้สึกว่ามันไม่เยอะเลยสำหรับสิ่งที่ผมอุทิศให้กับชุมชนและสังคมที่ผ่านมา ผมมาเขียนบทความตรงนี้ไม่ได้ต้องการจะเรียกร้องอะไรเพื่อเป็นการขอคืนอะไรจากสังคมเพียงแต่ ณ เวลานี้ต้องการแค่ความเห็นใจและความเข้าใจจากสังคมที่ผมอุทิศให้

มาถึงวันนี้ผมไม่เคยรู้สึกท้อเลยกับการทำงานเพื่อนชุมชน สังคมและสิ่งแวดล้อม ผมยังคงยืนหยัด สู้ต่อไปเพื่องานทางสังคมที่ผมรัก เดินหน้าทำงานเพื่อชุมชน เพื่อสิ่งแวดล้อม เพื่อสิทธิมนุษยชนต่อไปอย่างแข็งกล้า เพราะนี่เป็นอุดมการณ์ที่ผมรักที่จะทำและมีความสุขที่จะทำ และในหน้าที่ของพี่ชายก็จะทำหน้าที่ของครอบครัวให้ดีที่สุดเช่นกัน เพราะชุมชนคือแรงผลักดันให้ผมรักงานชุมชนงานสิ่งแวดล้อม และชุมชนคือพื้นที่ทำงานที่มีความสุขที่สุดสำหรับผม และชุมชนคือครอบครัวของผม

และวันนี้ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่า การช่วยเหลือสังคมชุมชนและการอุทิศตนช่วยเหลือสิ่งแวดล้อม ที่ผมไม่เคยหวังผลตอบแทนเลยนั้น ได้ส่งผลให้ผมอย่างเต็มที่ ล้นหลาม ในวันที่ผมเดือดร้อนที่สุด อ่อนแอที่สุด ต้องการความช่วยเหลืออย่างที่สุด ต้องขอบคุณชุมชนคลิตี้ล่าง และมูลนิธินิธิธรรมสิ่งแวดล้อมที่เป็นจุดเริ่มต้นให้ผมเดินมาไกลจนถึงวันนี้และยังคงเดินด้วยกันต่อไป KLITY Djung -คลิตี้ล่างดีจัง มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม — EnLAW และขอเป็นเป็นกำลังใจให้กับคนสู้เพื่อประเด็นทางสังคม ชุมชนและสิ่งแวดล้อมต่อไปด้วยกันครับ

7 ปีที่แล้วที่ผมเริ่มเข้าไปทำงานกับแกนนำชุมชนที่บ้านคลิตี้ล่าง สมัยนั้นยังใช้เทียนวัดในการประชุม

การติดตามอัพเดทยอดบริจาค: Donation update

สามารถติดตามความคืบหน้าอาการของน้องรายวัน เช็คยอดบริจาคล่าสุด ช่องทางการบริจาค และดูบิลเอกสารค่าใช้จ่ายตามบิลโรงพยาบาล ทั้งหมดสามารถตรวจสอบเช็คดูได้แบบออนไลน์ที่สามารถเปิดดูที่ไหนก็ได้แบบ 24 ชม. ซึ่งระบบนี้ถือเป็นรูปแบบการเปิดรับบริจาคที่ใหม่ที่ยังไม่เคยมีให้เห็นในประเทศไทย อนาคตหากทุกหน่วยงานนำรูปแบบนี้ไปใช้จะไม่มีปัญหาเรื่องการตรวจสอบอีกต่อไป ทั้งเรื่องน้ำท่วม ไฟป่า และอื่นๆมากมายเคยเห็นกันตามข่าว สำหรับกรณีนี้ตอนนี้คุณสามารถเข้าไปดูได้ที่เวปไซต์ที่สร้างขึ้นมาเฉพาะของน้องลองได้ตามนี้เลยนะครับ (หากเข้าไม่ได้บอกนะครับ)

https://linktr.ee/long.nasuansathit...

ขอความกรุณาร่วมมือโปรดช่วยผมแชร์แคมเปญนี้ต่อไปหรือบริจาคหากคุณสามารถทำได้ ขอบคุณมากครับ

เบื้องต้น ในฐานะพี่ชายของลอง ผมขอเป็นตัวแทนครอบครัว ขอขอบพระคุณ ทุกคนมาอย่างยิ่งมา ณ โอกาสนี้ ที่ร่วมบริจาคช่วยเหลือให้กำลังใจครอบครัวผมมาอย่างล้นหลาม ผมและครอบครัวมีความซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่งและจะไม่มีวันลืมพระคุณนี้เลยครับ

ช่องทางการบริจาค:

ธนคาร: กสิกรไทย เลขที่บัญชี: 742–2–32714–7 ชื่อบัญชี ธนกฤต โต้งฟ้า พร้อมเพย์ 087–808–7764

หมายเหตุ: ผมจะเข้ามาอัพเดตบล๊อคนี้ทุกวันนะครับหลังสี่โมงเย็นหลังจากคุยอัพเดทอาการกับคุณหมอเสร็จ

ช่องทางการติดตาม: ติดตามเรื่องราวและทุกคำถาม มีคำตอบให้ผ่านช่องทาง Facebook: Mick Thanakrit Thongfa

ติดต่อสอบถาม: 087–808–7764 ธนกฤต โต้งฟ้า (มิ๊ก) พี่ชายคนโตของน้องลอง

--

--

Thanakrit Thongfa

🌎Climate Strikes CNX 🙅🏻‍♂️Anti plastic 🌳Environmentalism 🙋🏻Human rights 🏞 Community organizing